“ครั้งแรกที่อ่านบท เราคิดถึงสัมผัสที่ส่งความรู้สึกออกมาทางภาษาภาพ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดบนลวดลายสิ่งต่าง ๆ หรืออากาศในเรื่อง เราชอบงานภาพที่รับรู้และดูจับต้องได้ในนั้น พอหนังเป็นสีขาว-ดำ ลวดลายในภาพจึงมีความสำคัญยิ่งขึ้นไปอีก
ซึ่งพอได้เจอกับไทกิ เขาก็แชร์วิชวลที่มีความรู้สึกตรงกัน เราคุยกันเกี่ยวกับความรู้สึกที่ได้จากวิชวลต่างๆ ทำให้เราเข้าใจงานของเขามากกว่าการคุยกันถึงเนื้อเรื่องเสียอีก
เราได้ทดลองทำอะไรใหม่ๆ หลายอย่างในหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับสัตว์หลากหลายชนิด รวมถึงการมองสีให้เป็นขาว-ดำซึ่งก็ยากกว่างานสีมากพอสมควร พูดง่ายๆ คือการมองโทนสีมีระดับจากขาวสุดไปดำสุด และไม่ใช่ว่าภาพสีสันจัดจ้านที่เห็นจากพร็อพจริงจะสร้างค่าสีดำในจอภาพได้ตามที่คิด
เรารู้ว่าค่าของสีเขียวกับแดงจะออกมาเป็นสีเทากลาง แต่เราบอกไม่ได้ว่าสีส้มจะออกมาเป็นภาพขาว-ดำโทนไหน เราจึงต้องลองออกแบบจากภาพขาว-ดำจริงโดยถ่ายรูปแบบขาว-ดำเพื่อทดสอบพร็อบทุกชิ้น อย่างตะเกียงน้ำมันในเรื่องก็ไม่ได้ใช้ไฟจากตะเกียงน้ำมันจริง แต่เป็นไฟ LED แทน เพราะถ้าใช้ตะเกียงจริง สีที่ออกมาจะมีความขาวออกตุ่น ซึ่งอาจทำให้หนังเสียบรรยากาศไป
หนังเรื่องนี้จึงเป็นเหมือนการทดลองของเราที่ต้องทำงานร่วมกับพร็อพ ทีมอาร์ต รวมถึงทีมงานฝ่ายอื่น ๆ ด้วย สิ่งที่รู้สึกพิเศษที่สุดนอกเหนือไปจากคลาสเลคเชอร์ของไทกิช่วงก่อนถ่ายทำ จึงเป็นกระบวนการทำงานที่มีอิสระ เปิดกว้างและเต็มไปด้วยไอเดีย มันทำให้ทุกอย่างสนุกและท้าทายมาก”
– ราสิเกติ์ สุขกาล